ย้อนรอยประวัติของเฮีย Robert Downey Jr จากคนเคยติดยาทะยานสู่ดาราระดับโลก

เชื่อว่าทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Iron Man ชุดเกาะเหล็กสีแดงที่เฮีย Robert Downey Jr หรือ โรเบิร์ต ดาวน์นี่ย์ จูเนียร์ เป็นดาราที่ถูกกล่าวถึงจากการแสดงหนังเพียงเรื่องเดียว

เจ้าของเรื่อง Iron Man ที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง เป็นภาพยนตร์ของค่ายหนัง Marvel Studios ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาได้รับบทบาทการเล่นภาพยนตร์มาแล้วมากมาย

แต่ว่าเราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าโรเบิร์ต มีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้ Iron Man เป็น Iron Man อย่างที่เราทุกคนรู้จัก บทบาทที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

ดําดิ่งสู่ด้านมืด ชีวิตจริง ยิ่งกว่า Iron Man

Robert Downey Jr เกิด 4 เมษายนในปี 1965 ที่เมืองนิวยอร์ค พ่อของโรเบิร์ตเป็นทั้งนักแสดงและผู้กำกับหนังอินดี้ และแม่ของโรเบิร์ตเป็นนักแสดง
โรเบิร์ต ดาวน์นี่ย์ จูเนียร์ เริ่มอาชีพนักแสดงตั้งแต่อายุ 5 ขวบจากการเล่นหนังของพ่อเขาเอง เรื่อง POUND ในปี 1970

พ่อของโรเบิร์ตยังเป็นคนติดยาทำให้ โรเบิร์ต ดาวน์นี่ย์ จูเนียร์ สูบกัญชาตั้งแต่ 6 ขวบ โดยผู้ที่ชักนำให้เขาเข้าสู่วงการยาเสพติด คือ พ่อแท้ๆของเขา
โรเบิร์ตเล่าว่า ช่วงเวลาเดียวที่เขารู้สึกว่าได้รับความรักจากพ่อ คือช่วงที่เสพกัญชาพร้อมกัน ซึ่งพ่อของเขาได้ออกมายอมรับผิดในภายหลัง


เมื่อโรเบิร์ตมีอายุได้ 11 ปี พ่อและแม่ของโรเบิร์ตเลือกที่จะแยกทางกัน ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของเขาไม่ได้สวยงามและน่าจดจำ แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้ให้กับโชคชะตาและรักษาความฝันในการเป็นนักแสดงเอาไว้

โรเบิร์ต จูเนียร์ ตัดสินใจเลิกเรียนชั้นมัธยมปลายเพื่อเป็นนักแสดงเต็มตัว เริ่มต้นจากการเป็นนักแสดงหลักในโรงละครบรอดเวย์ และ มีผลงานภาพยนตร์เล็กๆ หลายเรื่องด้วยกัน มีผลงานร่วมกับ Saturday Night Live และ The Pick-up Artist

เมื่ออายุได้ 22 ปี เขาได้เล่นเป็นตัวหลักจนมีชื่อเสียงมากขึ้นจากเรื่อง Less Than Zero ภาพยนตร์แนวอาชญากรรมดราม่าอ้างอิงจากนิยายดัง ด้วยการรับบทเป็นลูกเศรษฐี หนุ่มเพลย์บอยเจ้าสำราญ ที่ชีวิตตกต่ำเพราะยาเสพติด หนึ่งในตัวละครที่เหมือนกับชีวิตของเขา

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ไม่ใช่ดาราไก่กาธรรมดา มีฝีมือการแสดงยอดเยี่ยมจนเคยเข้าชิงรางวัลออสการ์ กับบท ชาลี แชปลิน ในหนัง Chaplin เมื่ออายุได้ 27 ปี

ชื่อเสียงเงินทอง ลาภยศที่หลั่งไหลเข้ามาตั้งแต่ยังหนุ่ม มีงานแสดงภาพยนตร์มากกว่า 10 เรื่อง ทำให้ใช้ชีวิตหนักหน่วงสำมะเลเทเมา ล่าราตรีแสงสีในยามค่ำคืน

ปัญหาเรื่องยาเสพติดก็ยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตของโรเบิร์ตทำให้เขากลายเป็นตัวร้ายแห่งวงการ จากเสพกัญชาไปสู่การเสพโคเคน หนักหน่วงถึงขั้นเสพเฮโรอีนภายหลัง

ชีวิตโรเบิร์ต ดาวน์นี่ย์ จูเนียร์ เริ่มพังในปี 1996 ถูกจับในข้อหาพกพาอาวุธปืนมีเฮโรอีนและโคเคนในครอบครองศาลตัดสินให้รอลงอาญา หลังจากนั้นเพียง 1 เดือน เขาเมายาบุกรุกบ้านคนอื่นจนถึงขั้นลงทัณฑ์บนระยะเวลา 3 ปี แต่เขาก็เบี้ยวนัดตลอด ทำให้ศาลต้องสั่งจำคุกทันที นาน 3 ปี แต่หลังจากถูกจำคุกไปได้ 1 ปี เขาได้รับการประกันตัวในวงเงิน 5 พันเหรียญ

พลิกชีวิตสร้างโอกาสให้ตัวเอง


จากจุดต่ำสุดลุกขึ้นมาเริ่มต้นใหม่ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ฺBritain’s Empireในขณะนั่งกิน Burger King ถึงชีวิตอันเหลวแหลกเพราะภาพลักษณ์ในวงการเขาก็ย่ำแย่ ทำให้เขาตัดสินใจทิ้งยาเสพติดทั้งหมด หลังจากออกจากร้าน Burger King เขาก็นำยาเสพติดทั้งหมดในรถไปทิ้งทะเล จนได้รับสิทธิพิเศษกินผลิตภัณฑ์ Burger King ฟรีตลอดชีวิต

ต้องขอบคุณ เมล กิ๊บสัน เพื่อนสนิทในวงการบันเทิง ที่ช่วยหาหนังให้โรเบิร์ตเล่นอย่างต่อเนื่องจนเริ่มกลายเป็นที่ยอมรับ แม้ว่าจะเป็นบทรองหรือนักแสดงสมทบก็ตาม

ในปี 2000 โรเบิร์ต ดาวน์นี่ย์ จูเนียร์ ได้รับรางวัลชนะเลิศรางวัลลูกโลกทองคำ จากซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง Ally McBeal ทำให้ชื่อเสียงเขาเริ่มกลับมาอีกครั้ง

จนมีงานแสดงในมิวสิกวิดีโอเพลง “I Want Love” ของเอลตัน จอห์น จากนั้นได้กลับมาเล่นภาพยนตร์อีกครั้งในเรื่อง Kiss Kiss, Bang Bang และ Good Night, and Good Luck

เรื่องราวเป็นไปได้ด้วยดี ทำให้ โรเบิร์ต ได้รับบทเด่นอีกครั้งในหนังสืบสวนชื่อดังอย่าง Zodiac และ Sherlock Holmes

เขาเลิกยาได้อย่างถาวรหลังให้ยาเสพติดทุกประเภทบำบัดจนหายขาดในเดือน มิถุนายน ปี 2003 เข้าชิงรางวัลออสการ์อีกครั้งในเรื่อง Tropic Thunder ปี 2008

Iron Man บทบาทที่เปลี่ยนชีวิต

ในปี 2008 ค่าย Marvel studios เสนอบท โทนี่ สตาร์ค จากการปฎิเสธของ 2 ดาราดังอย่าง นิโคลัส เคจ และ ทอม ครูซ ให้กับกับ โรเบิร์ต ดาวน์นี่ย์ จูเนียร์ และฉากที่โทนี่กำลังกินเบอร์เกอร์ก็อ้างอิงมาจากชีวิตจริงของ โรเบิร์ต ดาวน์นี่ย์ จูเนียร์

เหตุการณ์ที่หลังจากที่โทนี่ สตาร์คหนีจากคนร้ายได้สำเร็จ เขาขอกินชีสเบอร์เกอร์เป็นอย่างแรก และ ตัดสินใจเลิกผลิตอาวุธสงคราม

การตัดสินใจรับบทเป็นการพลิกชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ของ Robert Downey Jr. ที่สร้างภาพลักษณ์และให้ชีวิตใหม่ ติดอันดับต้นๆของนักแสดงที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลก หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพหนัง 1 เรื่อง โรเบิร์ต ทำเงินได้ 2,560 ล้านบาท ภายใน 15 นาที จากหนังเรื่อง Spider-Man: Homecoming รับเงินไปประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ

แต่เขาไม่ได้นำเงินมหาศาลไปใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานแต่เพียงอย่างเดียว เขานำเงินส่วนหนึ่งมาบริจาคมูลนิธิองค์กรการกุศลมากมายเพื่อเป็นการตอบแทนสังคม

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า โทนี สตาร์ค กับ โรเบิร์ต ดาวน์นี่ย์ จูเนียร์ แทบจะเป็นคนๆเดียวกัน

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่ใช้ชีวิตอย่างโลดโผนพอสมควร โรเบิร์ต เคยกล่าวกับตำรวจที่จับกุมเขาว่า “เขาไม่ใช่ซุปเปอร์สตาร์ แต่เป็นแค่คนธรรมดาที่มีปัญหายาเสพติด” เขามีความผิดพลาดหลายต่อหลายครั้ง ชีวิตของเขาสะท้อนให้เห็นธรรมชาติชีวิต ทุกคนต่างก็มีปัญหาในแบบของตัวเอง ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปซะทุกเรื่อง

สิ่งที่น่าเอาเป็นแบบอย่างของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ คือ คนเราอาจเคยทำผิดพลาด แต่ไม่ควรยอมแพ้ให้กับปัญหา หากยอมรับและแก้ไข คุณก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
อย่างตัวของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เองก็มีชีวิตใหม่อีกครั้งในตอนอายุ 50 ถึงแม้ว่าจะเคยติดยาเสพติดหรือติดคุก

สิ่งที่น่าเอาเป็นแบบอย่างของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ คือ คนเราอาจเคยทำผิดพลาด แต่ไม่ควรยอมแพ้ให้กับปัญหา หากยอมรับและแก้ไข คุณก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมออย่างตัวของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เองก็มีชีวิตใหม่อีกครั้งในตอนอายุ 50 ถึงแม้ว่าจะเคยติดยาเสพติดหรือติดคุก

ตลอด 9 ปี ที่โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ รับบท โทนี สตาร์ค ทุกคนที่ร่วมแสดงหรือทีมงานต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาคือหนึ่งเดียวที่เหมาะสมกับบท โทนี สตาร์ค แม้ว่า โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ จะรับบท โทนี สตาร์ค เป็นครั้งสุดท้ายใน Endgame

“I Love you 3000” หรือ “รักนะ 3000”

อัลบั้มของเฮีย Robert Downey Jr